ปภ.ระดมทีมทหาร-กทม. ใช้เครื่องตัดแก๊สเร่งรื้อเหล็กแน่นเป็นแพ ค้นหาร่างผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง.

วันที่ 17 เมษายน 2568 นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่พบสัญญาณชีพใด ๆ จากผู้สูญหาย ทำให้ขณะนี้เน้นการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต โดยจุดที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือบริเวณโซน C และโซน B

เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการปลอกชั้นปูนออกจากกองซาก พบว่าใต้ปูนมีเหล็กเส้นจำนวนมากเรียงร้อยกันแน่นหนาเป็นแพ การใช้เพียงเครื่องจักรหนักจึงไม่เพียงพอและอาจล่าช้า จึงจำเป็นต้องนำทีมช่างของกองทัพและกรุงเทพมหานครเข้ามาช่วย พร้อมเครื่องตัดแก๊สเพื่อเร่งตัดเหล็กออกจากซากอาคาร

ในขณะนี้มีการใช้งานเครื่องตัดแก๊สทั้งหมด 4 เครื่อง แต่ละเครื่องสามารถใส่หัวตัดได้หลายหัว โดยใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สแอลพีจี (LPG) ร่วมกับถังออกซิเจนเพื่อเพิ่มความร้อนสูงให้สามารถตัดเหล็กได้รวดเร็ว โดยแต่ละเครื่องจะใช้ถังออกซิเจนประมาณ 8 ถัง พร้อมหัวตัดที่เตรียมไว้ทั้งหมด 20 หัว แต่ยังไม่นำมาใช้ทั้งหมดในคราวเดียว เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานหน้างาน โดยเบื้องต้นคาดว่าใช้เพียง 4 หัวก็เพียงพอ หากพื้นที่กว้างขึ้น อาจเพิ่มเป็น 8 หัว

ส่วนความสูงของกองซากอาคาร ณ เวลา 08.00 น. เช้าวันนี้ วัดได้ประมาณ 13.05 เมตร โดยสามารถลดระดับซากได้เฉลี่ยวันละ 3 เมตร หากยังคงความเร็วในการรื้อถอนในลักษณะนี้ คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนตามกำหนด

ระหว่างปฏิบัติภารกิจยังคงมีการพบร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนมนุษย์ เนื่องจากอาคารสูงกว่า 30 ชั้นพังถล่มลงมาทับผู้ที่อยู่ภายใน โดยล่าสุดช่วงเช้าวันนี้พบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มเติมอีก 2 เคส บริเวณเชื่อมต่อระหว่างโซน C และโซน B

เพื่อเร่งการเคลียร์พื้นที่ กรุงเทพมหานครได้เพิ่มจำนวนรอบการขนย้ายเศษวัสดุออกจากพื้นที่ พร้อมปรับพื้นถนนบริเวณด้านหน้าอาคารและโซน C ให้รถบรรทุกเข้า-ออกสะดวกยิ่งขึ้น โดยเมื่อคืนเวลา 23.00 น. รถสิบล้อจากกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เข้ามาเสริมอีก 8 คัน โดยกำหนดให้ทำงานเป็น 2 ผลัดในแต่ละวัน ได้แก่ผลัดเช้าและผลัดกลางคืน เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะการทำงานของเครื่องจักร และหลีกเลี่ยงไม่ให้เศษวัสดุกีดขวางแนวปฏิบัติงาน

ด้านกำลังเจ้าหน้าที่ขณะนี้มีเพียงพอ และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงานได้กลับเข้ามาปฏิบัติภารกิจอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นภารกิจดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์