วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. กลุ่มตัวแทนผู้สมัคร สว. รวมตัวกันมากกว่า 40 คน มีทั้งกลุ่ม ส.ว. สำรอง ผู้สมัคร สว. อื่นๆ ได้เข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาร่วมสอบสวนคดีการฮั้ว โกง และบล็อกโหวตในการเลือก สว. ที่ผ่านมา เมื่อปี 2567 อย่างจริงจัง โดยขอให้รับดำเนินการเป็นคดีพิเศษ โดยแจ้งว่า
ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และได้ประกาศรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จำนวน 200 คนและ สว.สำรองอีกจำนวน 99 คน ไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 แล้วนั้น ปรากฏว่าภายหลังการเลือกได้มีผู้ร้องเรียนและร้องคัดค้านว่าการเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรมมีการฮั้วและบล็อกโหวตในการลงคะแนนรวมทั้งร้องคัดค้านเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว เป็นจำนวนมากกว่า 570 เรื่อง
และได้มีการติดตามทวงถามผลการดำเนินการกับทาง กกต. เรื่อยมา พร้อมทั้งนำข้อมูลพยานหลักฐานมอบให้ กกต.อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน และต่อมาได้รับแจ้งจาก กกต.ว่ายกคำร้อง/ยุติเรื่อง ถึง 200 เรื่อง โดยไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ว่ายกคำร้องเพราะเหตุใด จึงทำให้ผู้ร้องคลางแคลงใจและไม่มั่นใจต่อการดำเนินการของ กกต.เป็นอย่างมาก ประกอบกับยังมีคำร้องที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการของ กกต.อยู่อีกมากกว่า 300 เรื่องและใช้เวลาดำเนินการสืบสวน/สอบสวน ตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกมาแล้วถึงปัจจุบันมากกว่า 220 วัน เหลือเวลาเพียงอีก 100 วันเศษ ก็จะครบ 1 ปี ตามกรอบเวลาการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยของ กกต. จึงไม่มั่นใจและคาดหวังได้ว่า กกต.จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์และผดุงไว้ซึ่งความสุจริตและเที่ยงธรรมได้
ความล่าช้าในการดำเนินการของ กกต.ที่ผ่านมาไม่ได้มีผลกระทบต่อการตรวจสอบในความสุจริตและเที่ยงธรรมของการเลือก สว. เท่านั้นแต่ยังทำให้ สว. ที่ได้รับเลือกไปแล้วและกำลังปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางข้อกังขาของสังคมทั่วไปว่ามีการฮั้วและโกงดำเนินการผ่านการเลือกมาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมต่างๆ และสังคมสื่อมวลชนได้ให้ฉายาต่างๆนานา โดยชี้ชัดเจนว่าอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. อย่างชัดแจ้ง
ดังที่ประจักษ์ต่อสังคมที่ผ่านมาทั้งแนวทางในการลงคะแนนในการเลือกและการลงมติต่างๆ โดยเฉพาะที่ส่งผลต่อการลงมติรับรองต่อการเลือกองค์กรอิสระที่จะไม่บรรลุเจตนารมณ์ในการเลือกองค์กรอิสระอย่างอิสระที่แท้จริง แต่จะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของเครือข่ายและกลุ่มการเมืองที่เกี่ยวข้องถือได้ว่าเป็นอันตรายต่อระบบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง มุ่งหวังเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ กระทำผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ โดยทราบว่ามีการวางแผนมาตั้งแต่ก่อนเริ่มกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาต่อเนื่องมาจนถึงภายหลังจากการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเสร็จสิ้นแล้ว มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งแยกหน้าที่ มีฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณการลงคะแนนออกเป็นโพยฮั้วเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จำนวนสมาชิกวุฒิสภาตามที่ต้องการ
พฤติกรรมของกลุ่มขบวนการนี้มีลักษณะเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายต่างๆ ต่างกรรมต่างวาระ กล่าวคือ
ความผิดในลักษณะการจัดตั้งกลุ่ม กลุ่มขบวนการที่ปกปิดวิธีการดำเนินงานและมีความมุ่งหมายมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209
ความผิดในลักษณะ ชักจูง ชี้นำ จัดตั้งกลุ่มขบวนการเลือก สว.อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนที่จัดตั้งล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116(3)
ความผิดในการให้สัญญาจะให้ เพื่อให้บุคคลลงคะแนนในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอันเป็นความผิดตาม พรป. ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77(1) และความผิดตาม พรป.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542
ดังนั้น ในการดำเนินการกับขบวนการดังกล่าว จึงต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนเป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขตามกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้ กลุ่ม สว.ของประชาชน ซึ่งประกอบด้วย สว.สำรองและผู้สมัคร สว. อื่นๆ อีกหลายราย ซึ่งได้เข้าร่วมการเลือก สว.ครั้งนี้ ซึ่งได้พบและเห็นข้อมูลการทุจริตการเลือก สว.ครั้งนี้อย่างชัดแจ้ง จึงเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายและสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้ามาดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีการทุจริตโกงฮั้วและบล็อกโหวตในการเลือก สว.๒๕๖๗ นี้อย่างจริงจังต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในประเทศอันที่จะทำให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ๒๕๖๗ อย่างแท้จริง
ในเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาคณะกลุ่ม สว.สำรองกลุ่มนี้ได้ไปเรียกร้องให้ กกต.เร่งรัดในการสอบสวนดำเนินการตรวจสอบคดีการฮั้วและบล็อกโหวตการเลือก สว. มาแล้วและครั้งนี้เป็นการร้องขอให้ DSI เข้ามาร่วมสอบสวนอย่างจริงจังโดยรับเป็นคดีพิเศษซึ่งเชื่อว่า DSI มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนให้การสอบสวนโพยฮั้วการเลือก สว. ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วได้